ในการอ่านดวงจีนแปดช่องเราจะได้ยินคำว่า ดวงชงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนเจอ บางคนเจอการชงปีเว้นปี บางคนเจอรอบยาว10ปีหนักๆ บางคนเจอชงทุก 4 ปี แต่ละครั้งจะชงน้อยหรือชงมากจะส่งผลดีหรือผลร้ายขึ้นอยู่กับชะตาและจังหวะชีวิต แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
การชงที่เราคุ้นเคยที่สุด และได้ฟังมาบ่อยๆ คือ การดูปีที่ชงจากปีที่เกิด เช่น ปีหนูชงปีม้า ปีวัวชงปีแพะ ปีกระต่ายชงปีไก่ ปีมังกรชงปีหมา ปีงูชงปีหมู ซึ่งเป็นการดูเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากในดวงจีนที่มีข้อมูลครบจะมีการดูนักษัตรทั้ง 4 ตัว (เวลา วัน เดือน ปีเกิด)
ดังนั้น การชงเกิดขึ้นเมื่อมีการชงนักษัตรตัวไหนก็ได้ในดวงจีนเกิดการชงกับนักษัตรปี ซึ่งหากเราเลือกมองเพียงปีต่อปี เราก็จะไม่ได้ระวังปีชงที่แท้จริงของเราก็ได้ ทำให้เราพลาดโอกาสในการเตรียมรับมือแก้ไขไปอย่างน่าเสีย
ในปีชง ปีซวย ตามธรรมชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว อธิบายให้เข้าใจง่ายว่า เกิดการอยู่ผิดที่ผิดเวลาผิดจังหวะ ซึ่งสามารถแบ่งหมวดหมู่จุดสังเกต ดังนี้
1.คนขาดโชค การตัดสินใจของคนผิดจังหวะเวลา ความประมาท ความโลภ ความโกรธ หงุดหงิด ความสามารถการเลือกสิ่งที่ถูกต้องลดลง นำไปสู่ความผิดพลาด สำหรับบุคคลทั่วไปผลกระทบไม่มาก แต่หากเป็นนักลงทุน นักธุรกิจ นักการทูต ดารา ยูทูปเบอร์ เมื่อพบภาวะขาดโชค จะส่งผลเสียเป็นปัญหากระทบยาว ที่แม้ล่วงเลยปีชงไปแล้วก็ยังมีกระทบต่อได้หลายปี
2.ฟ้าไม่เป็นใจ การเปลี่ยนแปลงการไร้โชค เริ่มต้นผิดเวลา ซึ่งเป็นที่มาของการแนะนำว่า ปีชงไม่ควรแต่งงาน ห้ามซื้อบ้านปีชง ไม่ลงทุนใหญ่ เพราะจะไม่ราบรื่น ตลอดทั้งปีจะมีภาวะไร้โชค และ ต่อเนื่องตราบเท่าที่กิจนั้นคงอยู่ไม่ได้แก้ไข
3.ดินอัปมงคล เมื่อฟ้าเปลี่ยนคนเปลี่ยน ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ซึ่งการศึกษาสภาวะนี้ เป็นหลักวิชา เน้นการระบุหยินหยาง กำหนดมงคลและอัปมงคล จัดบ้านอาคารตามภาวะที่ปรากฎ ซึ่งเมื่อปรากฎ การแก้ไขฮวงจุ้ยจะไม่ง่ายและมีเงื่อนไขการทำงาน*
1. เลือกขอในสิ่งที่จำเป็น เมื่อตรวจดวงจีนประจำปี เราจะสามารถระบุการชง ปัญหาธุรกิจ ความซวยที่จะเกิดขึ้นได้ เป็นการไหว้ขอให้คุ้มครองรอดพ้นตลอดปี และขอโชคดีเฉพาะเรื่อง ซึ่งในการทำพิธีกรรมนั้นจะแบ่งเป็นสองส่วน การเอาเคราะห์ออก (ปัดกระดาษ) และ การขอรับโชคดี โดยจุดสำคัญที่ผู้กระทำการต้องเข้าใจ คือ การขอ แปลว่า จะเกิดการให้ หรือไม่ให้ก็ได้ ซึ่งเราจะรู้ก็ต่อเมื่อโยนเซ้งปวย หรือ เสี่ยงเซียมซี
2. ฤกษ์ที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง โดยทั่วไปหากเปิดปฏิทินจีนจะนิยมเลือกวันธงไชย เพราะเชื่อว่าเป็นวันดีส่งเสริม แต่หากให้แนะนำในมุมของผู้ศึกษาดวงจีน จะแนะนำว่า ควรเลือกฤกษ์ดีเฉพาะบุคคล หรือ ฤกษ์พิธีกรรมจะเหมาะสมกว่า (หาซื้อปฏิทินจีนที่มีฤกษ์ไหว้พระ) และสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการเสริมโชค เสริมดวง ต้องการฤกษ์ชัยแนะนำให้เลือกฤกษ์ฉีหมินตุ้นเจี่ย ฤกษ์ที่เจ้าสัวทั้งไทยและต่างประเทศเลือกใช้
3. มีผู้ทำพิธีนำพิธีที่เชื่อมโยงช่วยเหลือ ให้เกิดการเชื่อมพลังงานชี่ สร้างโชคจากฤกษ์ยาม ความเป็นสิริมงคล ความสมหวัง โดยมากนิยมให้ นักพรต พราหมณ์ ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้ใหญ่อาวุโส ซึ่งจะเป็นผู้นำพิธีและแนะนำการขอพรให้ถูกต้องตามพิธีกรรม เปรียบเหมือนเราไปเยี่ยมผู้ใหญ่ โดยมีญาติแนะนำ ทำให้บรรยากาศงานสำเร็จด้วยดี
4. คำขอเราลอยขึ้นฟ้า ให้ดูควันธูป ดูเปลวไฟ สิ่งที่สำคัญในช่วงที่เราขอนั้น เราควรที่จะดูควันธูป ซึ่งถ้ามีผู้ใหญ่ ผู้นำทัวร์ไหว้ขอพรที่มีประสบการณ์จะมีการช่วยดู ช่วยตรวจ ซึ่งในการดูจะแบ่งได้ประมาณ 3 รูปแบบ คือ สำเร็จและได้รับความช่วยเหลือ (ธูปพัดเข้าหาตัว) และ ธูปผัดออกซ้ายหรือออกขวา (ให้แก้ปัญหาจึงสำเร็จ) และ ไม่สำเร็จ (คิดใหม่ แก้ไข เปลี่ยนแปลง)
5. เมื่อขอเสร็จให้เซียมซี เมื่อไหว้เสร็จขั้นตอนถัดไปที่ควรจะทำ คือ โยนเซ้งปวยและเสี่ยงเซียมซี หรือ ถ้ามีความสามารถเรื่องการพยากรณ์ ให้คำนวนอี้จิง หรือ ปรากฎการณ์ธรรมชาติ
6. คิดใหม่ ทำใหม่ แก้ไข เปลี่ยนแปลง เมื่อได้เซียมซีไม่ดี เตือนภัย คนจะแนะนำให้แก้เคล็ดด้วยการผูกเซียมซีไว้กับต้นหลิว ซึ่งเป็นคติธรรมในการกระทำตัว ต้นหลิวลู่ลม เมื่อเกิดพายุ ก็จะไม่หักโค่นล้มลง เพราะรู้จักเอนเอียง ตัวเราเมื่อเกิดปัญหา ต้องยอมงอ ยอมถอย เพื่อสู้ต่อ วางแผนทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตไปได้